ความต้องการมาตรฐานเพื่อจะรักษาตำแหน่งสูงสุดของการกีฬาโลก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนักกีฬาต้องเพิ่มพูนกิจกรรม หรือออกกำลังกายและฝึกปรือเพื่อรักษาการเป็นผู้นำกีฬา และความเหนื่อยอ่อนเป็นของคู่กัน คุณจะไม่สำเร็จในเกมกีฬาถ้าคุณไม่พยายามก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น ในการก้าวสู่ขั้นต่อไป คุณได้วางตัวคุณภายใต้ความกดดันหรือความเครียดที่มากขึ้น ความกดดันนี้สามารถนําไปสู่ปัญหาต่อเนื่องมากมาย
ขณะที่การออกกำลังกายพอสมควรชี้ให้เห็นได้ว่า เป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันจริงๆ แต่ถ้ามากเกินไปอย่างเช่น ในกรณีที่ต้องการรักษาการเป็นผู้นํา สามารถมีผลในทางตรงกันข้ามได้
เราวางตัวเองภายใต้ความกดดัน ขณะที่พยายามไปให้ถึงอีกขั้นต่อไป ไม่ช้าหรือเร็ว นักกีฬามีแนวโน้มสูงที่ระบบการหายใจส่วนบนติดเชื้อได้ ขณะที่เราวางตัวอยู่ภายใต้ความกดดันที่รุนแรง เราอาจไม่สังเกตเห็นอาการในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าหรือเร็วยิ่งทำ ยิ่งจะอ่อนล้า และถอยกําลังลง และในเวลานั้นเราอาจสังเกตว่าเราเองขาดจิตใจที่สดใส
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายมนุษย์?
ร่างกายของมนุษย์ไม่วิ่งตามความกดดันที่มนุษย์ใส่เข้าไป ความกดดันนี้มีผลโดยตรงต่อความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันที่รับมือกับสิ่งที่มาโจมตี โดยเฉพาะแนวคิดเกี่ยวกับเปิดช่องว่าง(open window) ช่องว่างดังกล่าวที่เกิดขึ้น 3-12 ชั่วโมงหลังการออกกำลังกายภายใต้การกดดัน เป็นเวลานาน ในช่วงนี้ที่ระบบภูมิคุ้มกันหรือกลไกป้องกันลดสมรรถภาพลงและการเสี่ยงต่อการ ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเพิ่มขึ้น
ควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้?
งานวิจัยที่ทดลองกับเบต้ากลูแคน รายงานผลว่า ผู้ร่วมการทดลองมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน น้อยกว่าผู้ได้รับสารหลอก 66% การวิจัยในกระบวนการเป็นแบบ double-blind, placebo-controlled การตรวจวัดอาการ ประกอบด้วย:
- การคัดจมูก
- อาการนำ มูกไหล
- เจ็บคอ
- จาม
- ไอ
- ความเหนื่อยอ่อน
- ปวดหัว
- วิงเวียน ปวดเมื่อยร่างกาย
นอกจากนี้การประเมินระดับสุขภาพผู้เข้าร่วมการวิจัยพบว่ามีดัชนีชี้วัดสูงกว่าปกติถึง 44%
การวิจัยผลการตรวจวัดความกดดันทางกายภาพ
เมื่อทำการแบ่งนักวิ่งมาราธอนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้รับประทานเบต้ากลูแคนและอีกกลุ่มเป็นสารหลอก ผลทางสถิติในการตรวจวัดการพัฒนาสุขภาพทางกายภาพพบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มที่ได้รับอาหารหลอกพบว่ามีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน 68% ขณะที่กลุ่มได้รับเบต้ากลูแคนมีเพียง 32% หลังจากนั้น 4 สัปดาห์ จำ นวนที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจริงๆ ของกลุ่มที่ได้รับเบต้ากลูแคน มีเพียง 8% เปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับอาหารหลอกมีถึง 24%
ผลการตรวจวัดความกดดันทางจิตวิทยา
เพื่อเพิ่มเติมจากผลที่แสดงไว้ข้างบน ประโยชน์ทางจิตวิทยาได้มีเอกสารอ้างถึงเช่นกัน ผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งหมด แสดงผลดังต่อไปนี้:
- 22% ความแข็งแรงเพิ่ม
- 48% ความเหนื่อยอ่อนลดลง
- 38% ความเครียดลดลง
- 38% ความเครียดที่ทำ ให้สับสนลดลง
จากผลการทดลองทำ ให้ต้องบันทึกไว้ว่า นักกีฬากำลังเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวใหม่ๆ ได้แก่ แบคทีเรียต้านยาปฏิชีวนะ RSA,methicillin-resistant Staphylococcus aureus (bacteria) ซึ่งรู้จักว่าเป็น โรคติดเชื้อ Staph) เบต้ากลูแคนได้แสดงผลในเชิงบวกในเรื่องนี้เช่นกัน Staphylococcus aureus เป็นแบคทีเรีย หรือที่รู้จักกันในนามว่า “staff” (ออกเสียงว่า“สตัฟฟ์”) เป็นแบคทีเรียที่ไม่มีพิษภัย อาศัยอยู่บนผิวหนังหลายแห่ง เช่น บนใบหน้า, จมูก, ปาก, อวัยวะเพศและทวารหนักเมื่อเกิดบาดแผลหรือแตก จะด้วยเหตุผลใดก็ตามแบคทีเรียนี้สามารถเข้าไปได้ตามบาดแผลและเกิดการติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
สนใจหนังสือเบต้ากลูแคน ติดต่อที่ 02-147-5900-1 คุณ ลัดดา (กุ้ง) ฟรี ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ เบต้ากลูแคน ทำหน้าที่กระตุ้นเม็ดเลือดขาว ให้ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยทั่วไปเบต้ากลูแคนที่มีคุณภาพสูงจะประกอบด้วย
- คาร์โบไฮเดรตไม่น้อยกว่า 80 % (กลูแคนเป็น polyglucose)
- 1,3-d-glucan ไม่น้อยกว่า 85 %
- ไม่มีนำตาลหรือกลูโคสเจือปน
- ตรวจไม่พบไขมันและโปรตีน ไขมันทำ ให้ไม่สามารถย่อยสารช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และโปรตีน อาจมีผลกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
- มีขนาดอนุภาคเฉลี่ย 0-5 ไมครอน (1 ไมครอน เท่ากับ 1 ในล้านเมตร)
- ปลอดจากเชื้อแบคทีเรีย และสารประกอบอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ
เม็ดเลือดขาวแข็งแรง เท่ากับ ภูมิคุ้มกันแข็งแรง